RUNWAY

Edward Crutchley ระเบิดความ 'เควียร์' บนรันเวย์ซีซั่นล่าสุด ที่ใครก็คาดไม่ถึง!

ดีไซเนอร์ของแบรนด์ให้สัมภาษณ์เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า 'ผลงานของเขาก้าวไกลไปเกินกว่าจะยึดติดอยู่กับเพศ หรือการเป็นกลางทางเพศแล้ว เขาสร้างสรรค์เสื้อผ้าเพื่อให้มันออกมาเป็นเสื้อผ้า โดยไม่มีเพศมากำหนด'

แม้ว่าลอนดอนแฟชั่นวีกในฤดูกาลล่าสุดนี้ จะไม่ค่อยมีแบรนด์ใหญ่มาร่วมโชว์คอลเล็กชั่นอย่างหนาตาดังที่ได้คาดการณ์เอาไว้ ทว่าแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ที่ตบเท้าเข้าร่วมแสดงคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2022 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังคงขนความคิดสร้างสรรค์มาสาดละเลงบนรันเวย์กันอย่าเต็มคราบเช่นเคย หนึ่งในนั้นที่ถูกจับตามองมากที่สุดของลอนดอนแฟชั่นวีกฤดูกาลนี้ ก็เห็นจะหนีไม่พ้นแบรนด์แฟชั่นนามว่า Edward Crutchley ที่ไม่เพียงขนความตระการตาของซิลูเอตเสื้อผ้ามาโชว์เท่านั้น หากเบื้องหลังแนวคิดการก่อร่างสร้างตัวของคอลเล็กชั่นล่าสุดนี้ ยังทำให้สายแฟ(ชั่น)หลายคนต้องลุกขึ้นปรบมือให้...

สำหรับ Edward Crutchley แล้ว เขาคือดีไซเนอร์ชาวอังฤษ ที่มีความช่ำชองเรื่องผ้าอย่างมาก เขาเคยฝากผลงานไว้บนรันเวย์ระดับโลกมากมายในฐานะของผู้ร่วมงานกับ Kim Jones ดีไซเนอร์แห่งยุค ที่ครั้งนี้เอ็ดเวิร์ดยังได้เลือกหยิบแนวคิดเกี่ยวกับ “เควียร์” ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกปัจจุบัน ขึ้นมานำเสนออีกครั้งบนรันเวย์ โดยเอ็ดเวิร์ดเองได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Vogue Runway เอาไว้ว่า “กระบวนการคิดหลายอย่างเกี่ยวกับคอลเล็กชั่นนี้มาจาก Queerness และ Queer Space เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย้อนประวัติศาสตร์กลับไป ณ กรุงลอนดอนแห่งนี้ ในช่วงทศวรรษ 1720 มีพื้นที่สำหรับเพศทางเลือกมากมาย เทียบเท่ากับบาร์เกย์ 200 แห่งในปี 1970 ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ตัวบทวรรณกรรมเองก็มีพื้นที่ให้กับเพศทางเลือกมานานกว่า 400 ปี ซึ่งยืนยันได้ว่า วัฒนธรรมเควียร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของชาวลอนดอนมานานหลายศตวรรษ และมันก็ถึงเวลาแล้วที่ชาวเควียร์จะลุกขึ้นมาพูดถึงประวัติศาสตร์ที่ถูกมองข้ามหน้านี้ เพื่อแสดงให้เห็นในสิ่งที่เราสามารถทำได้ และแสดงความงดงามจากมุมมองของพวกเรา”

เอ็ดเวิร์ดยังได้เล่าต่อไปถึงประวัติศาสตร์ขนาดย่อของแฟชั่นแบบเควียร์ๆ ในกรุงลอนดอนให้หลายคนได้กระจ่างว่า “คลับในกรุงลอนดอน ช่วงทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 1990 เกิดปรากฏการณ์แข่งขันกันแต่งกายอย่างเข้มข้น จนกลายเป็นวัฒนธรรมของผู้ที่ชอบท่องราตรี วัฒนธรรมนั้นรวมถึงคนดังที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ทั้ง Hamish Bowles และ Stephen Jones ซึ่งรายหลังนี้เองที่นับเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการทำให้วัฒนธรรมการแต่งกายแฟชั่นที่ไม่เป็นไปตามเพศในกรุงลอนดอน ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างสนุกสนานมาจวบจนทุกวันนี้”

มวลความคิดทั้งหมดนี้เองที่ก่อให้เกิดคอลเล็กชั่นแสนสะดุดตาครั้งนี้ขึ้น ซึ่งเอ็ดเวิร์ดเองก็ได้ใช้ทักษะอันเป็นเลิศของเขาอย่าง ความรู้ความชำนาญในด้านวัสดุที่เขามี เลือกผ้านำมาใช้ในการตัดเย็บครั้งนี้ ที่เราจะได้เห็นทั้งผ้าแจ็กการ์ดลายใบไม้ปักดิ้นทอง ไปจนถึงเสื้อถักที่เข้าชุดกัน และเสริมให้คอลเล็กชั่นนี้ดูหรูหราขึ้นมาแบบทันตา อีกทั้งการทำงานกับวัสดุผ้าอันหลากหลาย ยังทำให้เขาตระหนักถึงเรื่อง การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเขาก็เลือกใช้ผ้าที่ทอขึ้นด้วยเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

กระนั้นลุคไฮไลต์ที่ถูกโจษขานมากที่สุดบนรันเวย์ในครั้งนี้ก็คือ ลุคของชุดว่ายน้ำแบบวันพีซสีดำ ปักเป็นลวดลายด้วยดิ้นทองและเงิน ที่ถูกสวมใส่โดยนายแบบ หรือจะเป็นลุคเปิดประเดิมรันเวย์ในครั้งนี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Robe à l'Anglaise” ชุดกระโปรงสุ่มของหญิงชนชั้นสูงในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นให้แตกต่างด้วยเฉดสีดำ-ทอง อีกทั้งยังถูกสวมใส่โดยนายแบบ ที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมได้ตั้งแต่เปิดโชว์รันเวย์ ซึ่งเอ็ดเวิร์ดเองได้ทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “ผลงานของเขาก้าวไกลไปเกินกว่าจะยึดติดอยู่กับเพศแล้ว เขาสร้างสรรค์เสื้อผ้าเพื่อให้มันออกมาเป็นเสื้อผ้า และวางมันไว้บนชั้น หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อเอง ที่เขาก็จะเลือกซื้อในสิ่งที่พวกเขาคิด”...

WATCH